“ลีโอ” ยัน The Apprentice เวอร์ชั่น ONE คือตำราของคนที่อยากดีขึ้น-เก่งขึ้น!


ลีโอ ปินโต” นักมวยหล่อเมืองน้ำหอมหัวใจไทย เป็นอีกหนึ่งคนที่จับตารอชมเรียลลิตีระดับโลก “The Apprentice: ONE Championship Edition” ที่มีกำหนดฉายในประเทศไทย วันที่ 24 มีนาคมนี้ ซึ่งในฐานะนักกีฬา ONE เจ้าตัวรู้สึกมั่นใจว่า The Apprentice เวอร์ชันนี้จะต้องโหดสมกับที่เคลมว่าเป็นเวอร์ชันโหดหินที่สุดในประวัติศาสตร์แน่นอน

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ ลีโอ ได้เห็นทีเซอร์รายการเขาถึงกับเผยว่า “นี่ไม่ใช่แค่รายการของผู้สนใจกีฬาการต่อสู้ หรือคนที่สนใจด้านธุรกิจเท่านั้น แต่มันคือรายการที่ใครก็ดูได้ ถ้าอยากได้แรงบันดาลใจและต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น!”

“The Apprentice ในแบบฉบับของ ONE ความน่าสนใจมันอยู่ที่การเอากีฬาเข้ามาผสมเป็นชาเลนจ์เพิ่มเติมให้กับผู้แข่งขัน ซึ่งกีฬามันช่วยในเรื่องการละลายพฤติกรรม ทำให้คนในทีมเปิดเผยตัวเอง และต่างฝ่ายได้เห็นตัวตนของกันและกันมากขึ้น “

สำหรับตัว ลีโอ เองกว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จในอาชีพนักมวยและเกมเมอร์ เขาต้องแลกมาด้วยความพยายาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นนักมวยต่างชาตินั้นทำให้เขาถูกตั้งแง่และเจอคำสบประมาทต่าง ๆ นานา อุปสรรคเหล่านั้นเป็นเสมือนลมร้อนที่ผ่านมา ลีโอ โฟกัสกับเป้าหมายและเดินหน้าลุยต่อไป

จุดเริ่มต้นของผมคือแพซชันของตัวเอง แต่ที่ขาดไม่ได้คือทีมหรือค่ายที่คอยสนับสนุน การเป็นนักมวยมันชี้วัดกันบนเวที ดีไม่ดีก็อยู่ที่ฟอร์มการชก”

“ขณะที่การทำทีมเกมเมอร์ ผู้เล่นหลักไม่ใช่ตัวผมแต่คือทุกคนในทีม ซึ่งผมต้องรู้จักการบริหารจัดการ ปรับมายด์เซ็ตของลูกทีมแต่ละคน เลือกคนที่ถนัดกับเกมนั้น ๆ และบางทีก็ต้องสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ไหนจะต้องดูแลเรื่องสปอนเซอร์ด้วย จะเห็นว่ากีฬากับธุรกิจมันเข้ามาเกี่ยวข้องกันเต็ม ๆ”

อุปสรรคในชีวิตจริงถูกตั้งเป็นโจทย์ในรายการ ด้วยระยะเวลาจำกัดผู้เข้าแข่งขันทั้ง 16 ใน The Apprentice: ONE Championship Edition จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความรู้ ประสบการณ์ และมันสมองอันชาญฉลาด ผ่านการทำงานกับเพื่อนร่วมทีมในการแก้ไขโจทย์เกี่ยวกับโลกธุรกิจปัจจุบัน

ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องเตรียมพลังกายไว้ต่อสู้กับด่านทดสอบสมรรถภาพร่างกายสุดโหด นั่นหมายความว่าคุณต้องพร้อมทั้งกายและใจที่จะผ่านการแข่งขันนี้ไปถึงด่านสุดท้าย มีทั้งอารมณ์ผสมดรามา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง

จุดหมายปลายทางของผู้แข่งขันทั้ง 16 คน คือการได้ทำงานภายใต้การเมนเทอร์ของประธานและซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ “นายชาตรี ศิษย์ยอดธง” เป็นระยะเวลาหนึ่งปีที่สำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ ด้วยมูลค่าผลตอบแทนถึง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8 ล้านบาทไทย แต่สิ่งที่ลึกซึ้งไปกว่านั้นคือผู้ชมได้อะไรจากรายการนี้?